ในระยะนี้บ้านพวกเรามีการจัดงานเทศกาลหนังประเทศญี่ปุ่นขึ้นติดๆกันอย่างยิ่งจริงๆ ทำให้มีโปรแกรมหนังประเทศญี่ปุ่นหลายเรื่องได้ได้โอกาสฉายออกสู่สายตาคนชอบดูหนังค่อนข้างจะมากมายเพิ่มขึ้น แล้วก็ในสุดสัปดาห์นี้ก็เป็นคิวของอีกหนังประเทศญี่ปุ่นเรื่องดีที่เพิ่งสร้างความตรึงใจผู้ชมไปตอนวันปีใหม่ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา กับ “The End of the Pale Hour” (หยุดรักไว้ที่วันนั้น) ที่ฟังจากชื่อแล้ว คนจำนวนไม่น้อยน่าจะจำต้องมีความรู้สึกว่าเป็นหนังรักประเทศญี่ปุ่นแน่ๆ แม้กระนั้นเมื่อได้ทดลองไปสัมผัสมองกับตาตนเองก็เปลี่ยนเป็นว่า…นี่เป็นหนังที่ไม่ใช่เหมือนอย่างที่คิด กลับเป็นที่ชนเข้าไปถึงหัวใจคนที่กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวได้อย่างลึกซึ้่งทีเดียว
The End of the Pale Hour หยุดรักไว้ที่วันนั้น เกิดเรื่องราวของหนุ่มน้อยที่หลงรักกับหญิงสาวไม่คุ้นหน้า ภายหลังที่เจอกันในงานฉลองรุ่นหลานสำเร็จการศึกษา พวกเขาตกลงที่จะออกเดตกันทุกๆสุดสัปดาห์ ตั้งแต่ตอนค่ำไปจนกระทั่งเช้า เป็นเปรียบเสมือนนาฬิกายางที่ระยะเวลาจะต้องมนต์ของพวกเขา จวบจนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ปี หญิงสาวคนนั้นก็ได้ล่องหนไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่มีแม้กระทั้งคำร่ำลาสักคำ
เพียงแค่อ่านเรื่องย่อของหนังก็ยิ่งซ้ำเติมว่านี่เป็นหนังรักแน่นอนแม้กระนั้นเนื้อในของหนังนั้น…มิได้มีเพียงแค่เรื่องนั้นแค่นั้น หนังได้ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขมาจากนิยายขายดิบขายดีชื่อเดียวกันของ “ไม่ซาฮิโกะ ติดอยู่สึเสะ” ที่พิมพ์เมื่อปี 2020 โดยได้ “ติดอยู่ซุฮิสะ วัวเดระ” (จากหนัง Day and Night) มาแต่งเขียนบทหนังขึ้นให้ รวมทั้งได้ดาราสาวที่หันไปเอาดีด้านงานเบื้องหน้าเบื้องหลัง “ฮานะ มัตสึโมโตะ” เป็นผู้กำกับ โดยผลงานชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นหนังยาวเรื่องที่ 2 ของคุณ ภายหลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดูแลซีรีส์มาหลายเรื่อง ดูหนังออนไลน์ไม่มีโฆษณา
น่าจะไม่กล่าวโทษว่าหนังใส่หน้าหนังเอาไว้เล่นๆเนื่องจากว่าจริงๆแล้วใจความสำคัญโรแมนซ์ในหนังก็เป็นส่วนประกอบที่กระจ่างอยู่เหมือนกัน ก็แค่เมื่อได้มามองโดยรวมแล้ว The End of the Pale Hour เปลี่ยนไปเป็นหนังสไตล์ coming-of-age จากวัยมหาวิทยาลัยที่สำเร็จการศึกษา และก็ก้าวมาสู่วัยผู้ใหญ่ที่เริ่มชีวิตกับอาชีพแรกที่ถือได้ว่าเป็นตอนหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตคนไม่ใช่น้อย และก็ส่วนประกอบนี้เองได้ทำให้หนังหัวข้อนี้เสริมความแข็งแกร่งให้กับเค้าเรื่องได้อย่างดีเยี่ยม
การเล่าเรื่องของหนังที่ดูโดยรวมและจากนั้นก็บางครั้งอาจจะรู้สึกปกติแม้กระนั้นเมื่อได้ทดลองนำเอาส่วนประกอบต่างๆมารวมเข้าด้วยกัน ก็จะพบว่า The End of the Pale Hour มีวิธีการสำหรับเพื่อการติดต่อสื่อสารเรื่องราวได้อย่างถ่องแท้อย่างคิดไม่ถึง โดยใช้เพียงแค่นักแสดงเดียวสำหรับเพื่อการเดินเรื่องเป็นแกนหลัก ที่นำพาหนังอีกทั้งเรื่องแทบ 2 ชั่วโมง เดินเกื้อหนุนไปด้วยอารมณ์ที่นานัปการ รวมทั้งหัวข้อที่กัดประทับใจคนหนุ่มคนสาววัยทำงานที่พึ่งจะเริ่มเริ่มต้นกับตำแหน่งงานแรกของตนเอง
มั่นใจว่าหนังหัวข้อนี้บางครั้งอาจจะสะกิดต่อมรวมทั้งถูกใจผู้ชมที่อยู่ในตอน เจน Y กับ เจน Z เป็นพิเศษสักนิดสักหน่อย เนื่องจากว่าตอนวัยของนักแสดงนี้คงจะคาบกันกับอยู่ทั้งคู่เจเนอเรชั่นนี้ และก็สถานการณ์สังคมแล้วก็มุมมองต่างๆก็สะท้อนถึงการใช้ชีวิตของคนรุ่นนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม จากที่จัดเตรียมจะเข้ามาเสพหนังรักประเทศญี่ปุ่น ก็เปลี่ยนมาเป็นหนังชีวิตของหนุ่มที่กำลังหัดยืนด้วยลำแข้งตนเองในช่วงชีวิตวัยผู้ใหญ่เริ่ม มีแทรกสอดความท้าเรื่องสถานที่ทำงานแล้วก็เรื่องชีวิตส่วนตัวเอาไว้ได้อย่างกลมกล่อมละมุนละไม