มาถึงอีกหนึ่งการคัมกางคกลับมาของตัวบิดาหนังมิวสิคัลที่เต็มไปด้วยสไตล์แล้วก็ความจัดจ้า “บาซ เลอห์มานน์” ที่หอบเอาแนวความคิดประดิษฐ์มาละเลงวาดลวดลายเล่าราวชีวิตของตำนานเพลงที่ขึ้นชื่อว่า ราชาที่ร็อกแอนด์โรล เพราะว่านี่เป็น “Elvis” (เอลวิส) หนึ่งในนักแสดงระดับมหารอยดำที่โลกได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ และก็นี่เป็นการเผยแพร่ช่วงชีวิตของเขาตั้งแต่แมื่อจุดกำเนิดไปถึงจุดหมายปลายทาง ออกมาเป็นหนังดราม่าคลุกเพลงแล้วก็ผสมตอนช่วงที่สำคัญเอาไว้ได้อย่างแยลยล
นี่เป็นตำนานของ เอลวิส เพรสลีย์ ผ่านมิติความข้องเกี่ยวแสนสลับซับซ้อนกับผู้จัดการนิสัยลึกลับ ผู้พัน ทอม ปาร์คเกอร์ เรื่องราวจะเจาะลึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง เพรสลีย์ แล้วก็ปาร์คเกอร์ ตลอดระยะเวลา 20 ปี ตั้งแต่ เพรสลีย์ เริ่มโด่งดังมีชื่อเสียงไปจนกระทั่งในเวลาที่มีคู่รักคลับล้นหลามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่ามกลางพื้นเพเบื้องหน้าเบื้องหลังของวัฒนธรรมที่กำลังปรับปรุงรวมทั้งการสูญเสียความไม่รู้เดียงสาในอเมริกา ในเวลาเดียวกันก็มีอีกหนึ่งบุคคลสำคัญแล้วก็มีผลต่อชีวิตของ เอลวิส เป็นอย่างมาก มันก็คือ พริสสิลลา เพรสลีย์
จำเป็นต้องขอออกสตาร์ทก่อนเลยว่า ส่วนตัวนักเขียนเป็นแฟนหนังของผู้กำกับท่านนี้มาตั้งแต่ยุค Strictly Ballroom หรือ Romeo + Juliet รวมทั้งเคยมองผลงานของนักสร้างภาพยนตร์คนออสเตรเลียผู้นี้มาแทบทุกเรื่อง และก็นี่เป็นการกลับมาของเขาอย่างเต็มรูปแบบอีกรอบในรอบแทบ 10 ปี ตั้งแต่แมื่อ The Great Gatsby ในปี 2013 ก็เลยทำให้มีความรู้สึกตื่นเต้นเบาๆเมื่อจะได้เข้าไปสัมผัสผลงานของผู้กำกับคนโปรดปราน และก็ผลสรุปที่ออกมานั้นก็จัดว่ายังทำแล้วก็ถ่ายทอดออกมาได้เข้าขั้นดีเลิศ
ด้วยวิสัยทัศน์ของ บาซ เลอห์มานน์ ขอให้เชื่อใจได้เลย เมื่อเขาจะต้องมาจับจับทำหนังที่ส่วนประกอบของเพลงเข้ามาร่วมด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เคยทำหนังอัตชีวประวัติเรื่องไหนมาก่อนก็ตาม แต่ว่าได้ได้โอกาสมาจับคว้าเรื่องราวของราชาเพลง เอลวิส เพรสลีย์ เลยในคราวนี้ แน่ๆว่าน่าต้องเครียดรวมทั้งคิดแผนงานสเกลที่ยิ่งใหญ่พอได้ รวมทั้งทุกๆอณูที่หนังถ่ายทอดออกมานั้น ก็สัมผัสได้ถึงความละเอียดในส่วนประกอบต่างๆที่ใส่เข้ามาในหนังที่มีความยาว 2 ชั่วโมงกว่าๆหัวข้อนี้