หนังอสูรกายบุกเมือง หรือ หนังไคจู เป็นหนังที่ใครๆก็รู้จักดีกันมาอย่างดีเยี่ยมเพราะเหตุว่ามีมาตั้งหลายสมัยหลายยุค โดยต้นตำหรับของหนังแนวนี้ก็จะต้องชูให้กับแวดวงหนังญี่ปุุ่น พวกเราเคยได้เห็นแต่ว่าการบุกรวมทั้งคุมค้างมของเหล่าภูติผีต่างๆมาก็เยอะแยะ กลับไม่ค่อยได้โอกาสได้มองเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นสักเท่าไหร่ แล้วก็โน่นก็เลยเปลี่ยนมาเป็นคอนเซ็ปต์ของ “What To Do With the Dead Kaiju?” (ซากเมืองนรกไคจู) ที่มายกใจความสำคัญเหตุที่เกิดขึ้นภายหลังไคจูหมดฤทธิ์ แล้วจะกำเนิดอะไรขึ้นถัดไปอีก ถือว่าเป็นไอเดียที่แจ่มว้าวพอได้
What To Do With the Dead Kaiju? ซากเมืองนรกไคจู เล่าราวภายหลังที่ญี่ปุ่นจำต้องประจันหน้ากับโคตรไคจูตัวใหญ่ยักษ์ที่ออกก่อกวนเผาผลาญมานานหลายทศวรรษ จนถึงมันได้สิ้นชีพตายในภาวะขาชี้ฟ้า ทำให้งานนี้รัฐบาลก็เลยต้องหาทางกำจัดซากของมันให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมด้วยแข่งกับเวลา ก่อนที่จะก๊าซจากข้างในตัวมันจะระเบิดออกมาแล้วก็สร้างหายนะที่อาจจะเป็นผลให้ทั้งยังเกาะประเทศญี่ปุ่นพังทลายลงเป็นหน้ากอง
ดังที่เกริ่นเอาไว้แล้วว่า What To Do With the Dead Kaiju? เป็นหนังที่เต็มไปด้วยไอเดียที่ชัดเจน คอนเซ็ปต์ที่ดีและก็น่าดึงดูดพอได้ แม้กระนั้นคำตอบของหนังที่ออกมานั้น จะต้องบอกอปิ้งไม่อ้อมค้อมว่า…น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหตุว่าความเยี่ยมของแนวความคิดต่างๆของหนังหัวข้อนี้ ไม่อาจจะเดินไปใกล้เคียงกับความแปลกสำหรับเพื่อการเล่าของหนังแม้แต่น้อย เปลี่ยนออกมาเป็นหนังแทบ 2 ชั่วโมงที่ทำให้เกิดความรู้สึกทรมาทรกรรมสำหรับในการมองตั้งแต่ผ่านไปไม่พ้นครึ่งชั่วโมงแรก เป็นหากว่าหนังมิได้มีเสียงโหวกเหวกโวยวายอะไรกันอีกทั้งเรื่อง ก็น่าจะหลับปุ๋ยค้างโรงภาพยนต์ไปแล้ว
ส่วนหนึ่งส่วนใดที่หนังส่งผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ ก็คงจะมีส่วนมาจากอิทธิพลของผู้กำกับ “ซาโตชิ ไม่กิ” คนที่เด่นในสายงานคอมเมดี้กับความวิกลจริตบอจัดเต็มอยู่เป็นทุนเดิม รวมทั้งเมื่อเข้ามารับหน้าที่อีกทั้งดูแลรวมทั้งเขียนบทหนังหัวข้อนี้เองด้วย สิ่งที่ออกมาจัดว่ายังประสบความล้มเหลวซักเท่าไหร่ เนื่องจากแปลงเป็นว่า What To Do With the Dead Kaiju? เป็นหนังที่มีลักษณะเช่นเดียวกับทีเล่นทีจริงมากมายไปสักนิด จนถึงทำให้เนื้อความของหนังยับเยินไปในหลายๆจุด
ถึงแม้ตัวหนังจะมานะแทรกสอดความขบขันตลกเชิงเสียดสีสังคมและก็การบ้านการเมืองอย่างแสบสันต์และจากนั้นก็ตาม แต่ว่าส่วนประกอบที่ใส่เข้ามาพวกนั้น ดันใส่เข้ามาแบบเป็นจุดที่ทำให้มีความรู้สึกน่าเบื่อดวงใจไปเปล่าๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุ๊ปกลุ่มผู้แสดงรุ่นใหญ่ต่างๆที่มาร่วมเป็นคณะรัฐมนตรี กรุ๊ปบริหารระดับประเทศของประเทศญี่ปุ่น ที่รู้เรื่องว่าผู้ผลิตใส่เข้ามาเพื่อจะเป็นตัวโจ๊กและก็สร้างสีสัน แต่ว่าสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาและก็บวกรวมกับความเป็นประเทศญี่ปุ่นนั้น ทำเป็นเพียงแค่หัวเราะ…หึหึ เบาๆเท่านั้น
และก็เว้นแต่ผู้แสดงเสริมจะใส่เข้ามาให้มองเกะกะและก็รำคาญแล้ว ติดอยู่แรกเตอร์หลักของหนังหัวข้อนี้ก็ยังล้มเหลวสำหรับการพยุงหนังหัวข้อนี้ได้อีกด้วย ไม่ใช่ว่านักแสดงกระทำแสดงไม่ดี “เรียวซุเกะ ยามาดะ” หรือ “ทาโอะ ทสึชิยะ” พวกเขาจำต้องรับบทบาทตามหน้าที่ของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้กระนั้นความแปลกแล้วก็รสที่แปลกของการออกแบบนักแสดงในหนังประเด็นนี้ ทำอย่างไรก็ยังไม่อาจจะเชื่อมโยงนักแสดงหลักเข้าพบกันได้ตลอดทั้งเรื่อง